#minwoon ∆ white-collar







เอกสารรวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นในสำนักงานถูกกวาดลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี และพื้นที่ว่างบนโต๊ะไม้ราคาแพงก็ได้รับการแทนที่ด้วยร่างโปร่งซึ่งถูกยกขึ้นด้วยมือของเจ้าของห้อง

แม้นึกเป็นห่วงเอกสารที่ตนเพิ่งถือเข้ามา แต่เซอุนก็ไม่สามารถปริปากโต้แย้งอะไรได้ เพราะริมฝีปากของเขาถูกปิดกั้นด้วยสัมผัสจาบจ้วงจากคนที่ยืนแทรกตัวอยู่ระหว่างขา อีกทั้งมืออุ่นยังกดรั้งท้ายทอยเขาไม่ให้ถอยหนีการรุกล้ำ ซึ่งเซอุนมองว่ามันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์

น่าจะรู้กันอยู่ว่าเขาไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว

อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยไม่จำเป็น หลังมือใหญ่อีกข้างจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดออกจนหมด สัมผัสร้อนก็เลื่อนต่ำลงไปวนเวียนอยู่บริเวณขอบกางเกงสแลคสีเข้มนั้นแทน

เซอุนได้ยินเสียงฮึดฮัดในลำคอจากคนที่กำลังไล้จมูกสูดดมความหอมจากต้นคอ ดูท่าอีกคนคงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่กางเกงเขามันถอดยากผิดปกติ ก็แน่ล่ะ เขาเพิ่งซื้อมันมาเมื่อสองวันก่อน คิดแล้วก็อยากประท้วงให้อีกฝ่ายช่วยถนอมเสื้อผ้าเขาหน่อย แต่ก็รู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เขาไม่คิดว่าคนที่อารมณ์กำลังพลุ่งพล่านจะสนใจคำพูดของเขานักหรอก

ใช้เวลาไม่นานกางเกงตัวใหม่ที่น่าสงสารก็ร่วงลงไปกองกับพื้นพรมสีเข้ม ไม่ปล่อยให้เขาได้นึกอาลัยอาวรณ์มัน มือหนารีบรุดเข้ามอบสัมผัสวาบวามให้กับสิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้าในทันที ฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลากผ่านทำให้มือขาวต้องยกขึ้นปิดปากตัวเองก่อนที่จะมีใครผ่านมาได้ยินเสียงเข้า

เซอุนเชื่ออยู่เสมอว่าเขาเป็นคนมีความอดทนสูง แต่ในสถานการณ์แบบนี้การสกัดกั้นเสียงช่างเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน เขาตัดสินใจกัดฝ่ามือตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอปล่อยเสียงน่าอายออกมา และเมื่อดวงตากลมโตเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ มือหนาที่เคยประคองท้ายทอยก็เลื่อนมาจับมือของเขาไปกุมเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้ริมฝีปากร้อนระอุทำหน้าที่ปิดกั้นเสียงนั้นแทน

เซอุนยอมรับว่าริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ในตอนนี้ทำให้สมองของเขาว่างเปล่า ร่างโปร่งกระตุกเล็กน้อยหลังฝ่ามืออุ่นละออกจากส่วนสำคัญแล้วเลื่อนลงไปเกลี่ยช่องทางนุ่มหยุ่น นิ้วเรียวลากวนไปมาอยู่สักพักคล้ายหลอกล่อให้เขาวางใจ แล้วค่อย ๆ สอดมันเข้ามาในตัวเขาอย่างใจเย็น ถึงอย่างนั้นสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามาก็เรียกให้หยดน้ำเอ่อคลอดวงตาคู่สวย คนด้านบนเห็นดังนั้นจึงก้มใบหน้าลงมากดจูบบนขมับแทนคำปลอบประโลมให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลาย

แม้มือหนาจะวุ่นวายอยู่กับการเตรียมความพร้อมให้เขา แต่ก็ไม่ได้ละเลยส่วนที่ถูกปลุกให้ตื่นนั่นไปซะทีเดียว เพราะการกดทับอย่างแนบแน่นจากร่างกายร้อนระอุของคนด้านบน ส่วนนั้นของเขาจึงถูไถอยู่กับหน้าท้องแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตเนื้อดี

ผ้าสีเข้มถูกแต่งเติมด้วยคราบของเหลวหนืดจากเขาทีละนิดในยามที่ร่างสูงขยับตัว เขาไม่อยากคิดถึงราคาของเสื้อแบรนดังตัวนี้ อาจสูงเท่ากับเงินเดือนของเขา หรือมากกว่า แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะให้เขารับผิดชอบที่ทำมันเปื้อนหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเขานี่

การเคลื่อนไหวดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและไหลลื่นดังเช่นทุกครั้งที่มันเป็น ความเข้ากันได้ของพวกเขาช่างยากจะหาสิ่งใดมาทดแทน ราวกับโลกภายนอกได้จางหายไปยามที่ร่างกายของพวกเขาสอดประสานเป็นหนึ่ง

แขนแกร่งกอดรัดร่างผอมบางที่นอนอยู่บนโต๊ะทำงานแน่นเสียจนแทบหายใจไม่ออก เซอุนไม่อยากยอมรับนักหรอกว่ามันเป็นเพราะการเคลื่อนไหวจากช่วงล่างนั่นมากกว่า ไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหน ปากบอกให้เขาใจเย็น ๆ แต่อีกฝ่ายไม่คิดจะลดจังหวะลงเลยสักนิด

ใบหน้าหวานจำต้องเชิดขึ้นเพื่อให้ตัวเองหายใจได้สะดวกมากขึ้น ดวงตาเรียวจ้องเพดานสีขาวโพลนไม่ต่างจากสมองของเขา ริมฝีปากบางพยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะร้องขอให้อีกฝ่ายลดความเร็วลง กลับกันมือขาวยังบีบรั้งไหล่หนาให้โถมแรงใส่ตนมากขึ้นเมื่ออารมณ์พุ่งสูงจนเกือบถึงขีดสุด

อีกฝ่ายเองก็ตอบรับการเชื้อชวนจากเขาอย่างว่าง่าย จังหวะการเคลื่อนไหวยิ่งเร็วขึ้นจนหัวกลมโคลงเคลงไปมา เซอุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขบฟันขาวเข้ากับริมฝีปากเพื่อปกปิดเสียงน่าอาย แต่มันก็หลุดลอดออกมาในตอนที่ของเหลวอุ่นถูกฉีดเข้าภายในตัวของเขา และแน่นอน เขาเองก็ปล่อยมันออกมาเช่นกัน

ร่างกายปวกเปียกร่วงลงบนโต๊ะไม้กว้างตามแรงโน้มถ่วง แทนที่อีกฝ่ายจะรั้งให้เขาลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงกลับทิ้งน้ำหนักทับลงมาเสียอย่างนั้น ส่วนนั้นเองก็ยังคงเชื่อมต่ออยู่ในตัวเขา และถึงจะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่คนด้านบนก็ยังเอาแต่ขยับตัวพรมจูบตามร่างเปลือยเปล่าไม่ยอมหยุด

การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งทำให้ร่างโปร่งขนลุกวาบ เซอุนตัดสินใจตีแผ่นหลังกว้างไปหนึ่งทีแทนคำห้ามปราม ขืนปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เขาคงไม่ต้องไปทำงานทำการอะไรกันพอดี แค่รอบเดียวตาก็จะปิดอยู่รอมร่อ

เมื่อได้รับการประท้วง คนด้านบนจึงยอมถอนตัวเองออกมาจากร่างกายหอมหวานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เซอุนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะต้องเบ้ปากหลังร่างสูงทิ้งน้ำหนักทับลงบนตัวเขาอีกครั้ง นึกอยากจะทุบอีกฝ่ายซะให้เข็ด แต่เสียงลมหายใจหอบที่ดังคลออยู่ข้างหูทำให้เขาได้แต่วางมือลงบนแผ่นหลังกว้าง แผ่นอกที่ทาบทับร่างของเขาขยับขึ้นลงด้วยอัตราเร็วราวกับเพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก

แล้วยังมีหน้ามาคิดจะต่ออีกรอบอีกนะ

หลังต่างฝ่ายต่างนอนนิ่ง ๆ เพื่อปรับลมหายใจจนเข้าสู่สภาวะปกติ เจ้าของห้องขนาดใหญ่ที่สุดในอาคารก็ดันตัวลุกยืน โดยไม่ลืมโอบรั้งร่างผอมบางให้ลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะเอกสารราคาแพงที่ตอนนี้เลอะเทอะจนเขานึกเสียดาย เคยท้วงไปตั้งหลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ตอบมาแค่ว่าเดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ก็ได้

จองเซอุนล่ะเบื่อคนรวยจริง ๆ

คนรวยที่เซอุนนินทาในใจยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมเปียกชื้นให้ออกจากโครงหน้าที่เขาหลงใหล ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน ไล้ลงมายังจมูกโด่งรั้น ตามด้วยพวงแก้มที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สู่เป้าหมายสุดท้ายคือริมฝีปากนุ่มหยุ่นอันเป็นอาหารรสชาติโปรดของเขา

ปล่อยให้อีกฝ่ายอิ่มช่วงชิงลมหายใจได้ไม่นาน เซอุนก็ต้องดันอกกว้างให้ออกห่าง แม้คนฉวยโอกาสจะยังไม่หนำใจ แต่มือเรียวที่ทุบรัวอยู่บนอกแกร่งทำให้เขาต้องยอมละออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

"ประกันของบริษัทต้องไม่รองรับการตายจากเรื่องแบบนี้แน่ ๆ" สิ้นคำพูดของคนที่อยู่ใต้การบังคับบัญชา อิมยองมินก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

"ขอโทษที ไว้วันอังคารหน้าผมจะลองเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุมนะ"

แน่นอนว่าความคิดนั้นได้รับกำปั้นมาแทนคำสนับสนุน

"มีประธานแบบนี้ทำไมบริษัทยังอยู่ได้นะ"

"คุณก็รู้ว่าผมมีความสามารถ แถมยังไฟแรงอีกต่างหาก"

เลขาหนุ่มเบ้ปากทันที่ประโยคเยินยอตัวเองนั่นหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาที่บวมเจ่อ ปากมยองมินยังเป็นขนาดนั้น แล้วของเขาที่ถูกฟันขาวนั่นขบกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะมีสภาพยังไง เซอุนไม่อยากนึกถึงมันเลยสักนิด

"หรือไม่จริง" ร่างสูงเอ่ยถามพลางหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง โดยดวงตากลมโตยังไม่ละออกจากร่างโปร่งที่ยังคงนั่งหายใจหอบอยู่บนโต๊ะทำงานตรงหน้าของเขา

"คงจะจริงถ้าคุณทุ่มเทกับงานมากกว่าการจับผมทุ่มลงบนโต๊ะแบบนี้" เซอุนว่าอย่างประชดประชัน มือเรียวติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เข้าที่หลังเห็นสายตาไม่น่าไว้ใจของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เสื้อทำงานของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนมองทะลุไปถึงไหน มันแทบปิดอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คนที่จับตามองอยู่ตลอดก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

"ใส่สีขาวมาทำไม"

"ขอโทษนะครับ ใครมันจะไปรู้ว่าล่วงหน้าว่าคุณจะเกิดบ้าขึ้นมาตอนไหน"

"คราวหน้าผมจะแจ้งให้คุณเขียนลงตารางนัดแล้วกัน"

"คุณนี่มัน .." เลขาหนุ่มถลึงตามองคนหน้าไม่อายอย่างเหลืออด ซึ่งอิมยองมินก็ทำเพียงแค่ยักไหล่และตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้เขาพูดไม่ออก

"บอกผมสิว่าคุณไม่ชอบ"

เซอุนขบริมฝีปากอย่างหงุดหงิดที่ต้องแพ้ในการเถียงครั้งนี้ เขาได้แต่คิดว่าไม่น่าหลวมตัวมาสัมภาษณ์เลย ครั้งแรกที่เจอกันเขานึกว่าคนตรงหน้ามาจากแผนกทรัพยากรบุคคลซะอีก ก็ว่าอยู่ว่าทำไมพนักงานต้อนรับถึงดูเกรงอกเกรงใจอีกฝ่ายนัก ก็แค่พนักงานที่แต่งตัวด้วยแบรนเนมแทบจะทั้งตัวไม่ใช่หรอ

ใครจะไปคิดล่ะว่าบอสใหญ่มาเอง

และการทดสอบเข้าทำงานก็ค่อนข้างแปลกประหลาด .. เอาจริงมันแปลกมาก โคตรแปลกเลย พนักงานฝ่ายบุคคลตัวปลอมวัดสมาธิและความอดทนของเขาโดยการใช้มืออุ่นลากสัมผัสไปตามร่างกายผอมบางในระหว่างเขากำลังสาธยายถึงคุณสมบัติที่เตรียมท่องมาจากบ้าน ถึงจะน่าอายที่ต้องพูดถึง แต่เขาก็เป็นเพียงผู้ชายทั่วไปที่ยังมีอารมณ์และความรู้สึกอยู่ วินาทีนั้นเซอุนได้แต่ขอบคุณที่ห้องสัมภาษณ์ของบริษัทนี้มันเก็บเสียง

และผลการสัมภาษณ์ก็ประกาศในทันทีที่ร่างพวกเขาร่วงลงบนโต๊ะหลังเสร็จภารกิจ ริมฝีปากหนาของคนสัมภาษณ์เอ่ยกระซิบข้างใบหูเล็กในระหว่างโอบรัดตัวเขาเอาไว้ เซอุนอยู่ในอ้อมกอดของอิมยองมินในตอนที่รู้ว่าตนเองได้เป็นเลขา

แต่เขายื่นใบสมัครเข้าแผนกบัญชี ..

ถ้าถามว่าเจอเหตุการณ์แบบนั้นแล้วทำไมยังไม่ลาออก เขาก็ขอตอบในทันทีว่างานมันหาได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน แม้ในทีแรกจะยังลังเลอยู่ก็เถอะ แต่จากที่ต้องทนผิดหวังจากการถูกปฏิเสธงานมาหลายต่อหลายครั้ง เขาเลยไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไป ดีที่หลังเข้าทำงานแล้วอีกฝ่ายปฏิบัติกับเขาอย่างที่เจ้านายกับลูกน้องทั่วไปทำกัน

อิมยองมินทำเหมือนเรื่องราวในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย

หลังทำหน้าที่เลขาส่วนตัวได้สองเดือน เขาก็ไม่สามารถเก็บความสงสัยได้อีกต่อไป เซอุนรวบรวมความกล้าเอ่ยถามอีกฝ่ายว่าสัมภาษณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติหรอ ซึ่งอิมยองมินก็ทำเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและตอบกลับมาว่าเปล่า แค่เห็นรูปเขาในใบสมัครแล้วจำได้ว่าเคยเจอกันที่ผับ เลยตัดสินใจลงมาสัมภาษณ์พนักงานใหม่เสียเอง

คำตอบนั่นทำให้คิ้วเรียวขมวดแน่น คนรอบตัวของเขารู้กันดีกว่าจองเซอุนไม่ใช่คนชอบเที่ยว แล้วจะไปเจอกับประธานบ้ากามนี่ได้ยังไง จนได้ฟังอีกฝ่ายเล่าย้อนความหลังนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันเป็นตอนที่เขารับงานพิเศษร้องเพลงในผับ แต่เขาก็เคยทำแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้นจริง ๆ

เอาจริงเซอุนแทบจะจำไม่ได้แล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก แม้เขาจะรักการร้องเพลงและเล่นดนตรี แต่เขาไม่เคยชอบแสงสี กลิ่นแอลกอฮอลหรือควันบุหรี่นั่นเลย แต่ถึงจะเกลียด เขาก็ต้องทน ตัวเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาดูแลคนในครอบครัวให้สุขสบาย แม้จะต้องทิ้งความฝันทางดนตรีมาเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทแบบนี้ก็ตาม

เข้าสู่เดือนที่สามนั่นแหละที่หน้าที่พิเศษของเขาได้เริ่มต้นขึ้น จุดเริ่มต้นก็ไม่ต่างจากตอนสัมภาษณ์เท่าไหร่ เซอุนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสัมผัสของอีกฝ่ายถึงทำให้ร่างกายของเขาไร้การควบคุมได้เสมอ และเขาก็ไม่คิดหาคำตอบ เพราะถึงรู้ เขาก็ไม่หาทางแก้ปัญหานั้นอยู่ดี

ถึงเรื่องระหว่างพวกเขาจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้านายกับลูกน้องเขาทำกัน แต่เซอุนก็ไม่เคยได้รับเงินเดือนมากเกินกว่าที่ตำแหน่งของเขาควรได้ ต้องขอขอบคุณยองมินจริง ๆ ที่ไม่ทำให้เขาเหมือนคนทำอาชีพอย่างว่า เซอุนได้รับค่าตอบแทนตามงานที่ทำ ซึ่งเขาเองก็ดูแลเรื่องการประชุม ติดต่อประสานงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง

ส่วนเรื่องการทำงานนั่งโต๊ะให้ประธานบริษัทก็ถือเป็นความสัมพันธ์แบบคู่นอน เขาทั้งคู่ต่างได้ประโยชน์จากมัน เซอุนไม่คิดว่าตนเองเสียเปรียบอะไรเพราะพวกเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน และด้วยอายุขนาดนี้ย่อมเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาอยู่แล้ว

แต่บางครั้งเขาเองก็ได้การตอบแทนสำหรับหน้าที่นั้นในรูปของการพาไปกินข้าว หรือดูหนังหลังเลิกงาน แม้ทุกครั้งเขาจะเอ่ยขอให้หารกันจ่าย แต่อิมยองมินก็มักชิงวางบัตรเครดิตวงเงินสูงของตัวเองก่อนแทบจะทุกครั้ง

เซอุนเคยแย้งยองมินเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน น่าแปลกที่คนไม่ชอบทะเลาะอย่างเขากลับใส่อารมณ์ในการพูดคุย ผิดกับร่างสูงที่ยืนฟังเขาเงียบ ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาโอบไหล่เขาพลางบีบนวดให้เขาใจเย็นลง แล้วค่อยพูดความคิดเห็นของตนบ้าง

และแทบจะทุกครั้งที่คนผ่านโลกมามากกว่าอย่างอิมยองมินจะเอาชนะเขาได้อยู่เสมอ

ระหว่างพวกเขาอาจไม่ได้โรแมนติกอย่างที่ใครใฝ่ฝัน ไม่มีการผูกมัดด้วยสถานะหรือใช้ความจำกัดความอะไรมาอธิบาย มันไม่เคยมีความชัดเจนเลยสักนิด แต่เซอุนก็พอใจให้มันเป็นเช่นนั้น เขาคิดว่ามันน่าปวดหัวถ้าจะต้องมาคอยประคับประคองความสัมพันธ์แบบคู่รัก ถ้ารักมากก็จะยิ่งเป็นห่วงมาก พอเป็นห่วงก็จะยิ่งคิดมาก ตัวเขาเองก็เป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเซอุนคงกลายเป็นคนงี่เง่าแน่ ๆ

"นี่"

คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมเอ่ยเรียกความสนใจจากเลขาส่วนตัว เซอุนทำเพียงแค่หันไปเลิกคิ้วถามและรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

อิมยองมินไม่ได้ตอบกลับมาในทันที แต่กลับเอื้อมมือขึ้นมาจับมือของเขาไปกอบกุม พลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหลังฝ่ามือเบา ๆ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

"เย็นนี้ไปกินข้าวกัน"

"ยังไม่ถึงวันศุกร์เลยนะ" เลขาหนุ่มพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ

"ทำไม นัดใครไว้หรอ"

"ไม่ได้นัด ผมก็แค่สงสัย ปกติคุณไม่จะชวนถ้าไม่ใช่วันศุกร์"

แม้จะไม่มีการตกลงเป็นทางการ แต่เป็นอันรู้กันดีว่าเย็นวันศุกร์จะเป็นช่วงเวลาของพวกเขา เซอุนต้องทำตัวให้ว่างเพื่อใช้เวลาหลังเลิกงานกับยองมิน อาจเป็นการเดินเลือกของขวัญให้ลูกค้าเหมือนอาทิตย์ก่อน หรือกินข้าวดูหนังอย่างที่ทำเป็นประจำ บางครั้งอิมยองมินก็เอาแต่ใจบังคับให้เขาไปซื้อของในซูเปอร์มาทำอาหารกินกันที่บ้านของเขา น่าแปลกที่ความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายไม่เคยกลายเป็นความอึดอัดหรือรำคาญใจเลย

"ก็ผมหิวหนิ"

และไม่มีสักครั้งที่คำว่าหิวจากปากของอิมยองมินจะทำให้เขาวางใจ

ดวงตาเรียวหรี่มองท่านประธานคนเก่งอย่างจับผิด ซึ่งอีกฝ่ายก็ใช้ตากลมโตที่ดูใสซื่อจ้องกลับมาเหมือนกัน ใบหน้าอ่อนวัยของคนอายุมากกว่าฉายแววจริงจังเพื่อยืนยันคำพูดของตน

"แค่กินข้าวจริง ๆ ออกจากร้านแล้วจะขับไปส่งที่บ้านเลย"

"ถ้าคุณโกหก ผมจะหยุดงานประท้วงทั้งอาทิตย์เลย" เขาเอ่ยขู่ไปแบบนั้น แม้ที่จริงแล้วเขาจะเชื่ออีกฝ่ายอย่างสนิทใจ

"รู้แล้วครับ รู้แล้ว"

ยองมินพูดย้ำพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยกมือบางขึ้นแนบริมฝีปากอย่างแผ่วเบาโดยยังไม่ละสายตาไปจากเจ้าของมือนุ่มนิ่ม การกระทำเล็กน้อยนั่นเรียกให้เลือดทั้งตัวไหลขึ้นไปกองอยู่บนใบหน้าหวานอย่างไม่ได้นัดหมาย

ถึงจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะตายด้านกับมุมแบบนี้ของอิมยองมิน












"งานเป็นไงบ้างพี่" รุ่นน้องคนสนิทเอ่ยถามหลังไม่ได้เจอกันนานเกือบเดือน เขาฉุกคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปสั้น ๆ

"ก็ดี"

"อิจฉาเนอะ ดูบอสพี่ไม่ค่อยงี่เง่าเท่าไหร่"

"น้อยไปสิ"

"แสดงว่าแสบไม่ใช่น้อยเลยสินะ" ดงฮยอนพูดกลั้วหัวเราะพลางใช้ส้อมเกี่ยวเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก

"เอาจริงก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก"

"... ตกลงยังไงกันแน่เนี่ย"

"ไม่รู้เหมือนกัน" และเซอุนเลือกจะตอบตัดปัญหาไปอย่างนั้น

คนอายุน้อยกว่ามองใบหน้าหวานอย่างจับผิด แล้วก็ต้องละความสนใจไปยังโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะ แรงสั่นแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ดงฮยอนนึกขอบคุณที่แม่ทำอาหารบำรุงสายตาให้เขากินตั้งแต่เด็ก เขาเลยสามารถเห็นว่าข้อความนั้นถูกส่งมาจากใคร

ขนาดวันหยุดยังจะใช้งานพี่เขาอีกหรอ ประธานบริษัทนี้เป็นคนยังไงกัน

"ทำไมต้องทนดูแลเขาด้วยล่ะ พี่เองก็ไม่ได้อยากเป็นเลขาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ" ดงฮยอนอดไม่ไหวที่จะถามขึ้นมาหลังเห็นว่าอีกฝ่ายพิมพ์ข้อความตอบกลับไปเรียบร้อยแล้ว

เซอุนเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างแปลกใจ ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดถึงจุดนั้นเลยสักครั้ง ทีแรกเขายอมจำใจเป็นเลขาเพราะไม่อยากเลือกงานให้เสียเวลา แต่ก็อย่างที่เด็กนั่นว่า ประสบการณ์การทำงานของเขามีมากขึ้นแล้ว ออกไปสมัครงานในฝ่ายบัญชีที่อื่นก็น่าจะมีโอกาสมากกว่าแต่ก่อน

"เขารับพี่เข้าทำงาน จะให้ลาออกก็คงไม่ดีมั้ง" เขาตอบกลับไปอย่างนั้น แม้ในใจลึก ๆ จะรู้ดีว่าเหตุผลที่เขายังอยู่ในตำแหน่งนี้คืออะไร

"งั้นหาโอกาสฮุบตำแหน่งเลยเป็นไง"

"..."

"พี่อยากนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทอยู่แล้วหนิ" เด็กหนุ่มพูดติดตลกออกมาเพื่อทำลายความเครียดที่ก่อตัวขึ้น ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารต่ออย่างไม่ใส่ใจ











เขารู้ว่ารุ่นน้องคนสนิทแค่ยกเอาคำพูดที่เขาเคยตอบเล่น ๆ ตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยมาล้อก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เก็บคำพูดนั่นมาคิดต่อไปอีกหลายวัน นานวันเข้าความคิดนั้นยิ่งมีพลัง จนเป็นแรงผลักดันให้เขาตัดสินใจจะทำบางอย่างขึ้นมา

มือเรียวลูบกลุ่มผมสีดำสนิทของคนที่นั่งอยู่บนพื้นช้า ๆ มืออีกข้างจิกลงบนพนักวางแขนของเก้าอี้นวมหลังสัมผัสได้ถึงความร้อนจากริมฝีปากหนาที่กดจูบลงบนท้องน้อย และเขาก็ต้องรีบละมือขึ้นมาอุดปากเมื่อใบหน้าของอิมยองมินเลื่อนต่ำลงไปมากกว่าเดิม

กลุ่มผมสีน้ำตาลแผ่กระจายตัดกับแผ่นหนังสีดำเข้มของพนักพิง แผ่นหลังเปลือยเปล่าแอ่นขึ้นจากเก้าอี้นวมชั้นดี เม็ดเหงื่อตามร่างกายหยดลงบนพื้นหนังสีดำขลับหยดแล้วหยดเล่า แต่เจ้าของเก้าอี้ตัวจริงกลับไม่คิดกลัวว่าจะสกปรก เพราะร่างกายหอมหวานตรงหน้าได้ดึงดูดความสนใจจากเขาไปจนหมดสิ้น


และตอนนั้นเองที่จองเซอุนได้นั่งเก้าอี้ประธานตามที่ใจหวัง







------------------------------------------------------------------------------------------------





ฝากกลับไปคอมเม้นหน้าบทความด้วยน้า http://bit.ly/2rZGNDM  

ความคิดเห็น